ที่ไต้หวัน มีแม่หม้ายอยู่คนหนึ่ง ชั่วชีวิตยึดอาชีพครู เลี้ยงลูกชายจนเติบใหญ่ ลูกคนนี้เมื่อยังเล็กเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย แม่เลี้ยงดูสั่งสอนจนเป็นหนุ่ม หลังจากนั้นก็ส่งลูกชายศึกษาต่อยังประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อลูกชายจบการศึกษาที่อเมริกาได้การงานที่ดีมีเงินซื้อบ้าน แล้วก็แต่งงานจนมีบุตร 1 คน มีความเป็นอยู่ที่สบาย เป็นครอบครัวที่มีความสุขที่สุด
ส่วนผู้เป็นแม่อยู่ที่ไต้หวันคนเดียวโดดเดี่ยว ก็ได้ตรึกตรองกับตนเองว่า เมื่อหลังเกษียณถ้าได้ไปอยู่กับลูกชายที่อเมริกาชีวิตบั้นปลายคงจะมีความสุขไม่น้อย คิดแล้วก่อนจะเกษียณ 3 เดือนก็ตัดสินใจเขียนจดหมายถึงลูกชายที่อเมริกา ได้เล่าความในใจที่อยากใช้ชีวิตบั้นปลายกับลูกที่อเมริกา เพื่อน ๆ รู้คงจะอิจฉา คิดแล้ว...ในใจก็มีแต่ความสุข
ขณะเดียวกันก็ได้จัดการทรัพย์สินการงานที่ไต้หวัน เพื่อจะได้ไปอยู่อเมริกากับลูกชาย ก่อนจะเกษียณไม่นานก็ได้รับจดหมายตอบกลับจากลูกชายที่อเมริกา เมื่อเปิดซองจดหมายออก สิ่งแรกที่ได้เห็นคือตั๋วเงิน 30,000 เหรียญ ครั้งแรกที่เห็นรู้สึกแปลกใจที่ลูกชายส่งตั๋วเงินมาให้ เพราะตั้งแต่ลูกชายอยู่อเมริกาไม่เคยสักครั้งที่จะส่งเงินมาให้แม่...แม้แต่เหรียญเดียว ด้วยความสงสัยก็รีบเปิดจดหมายออกอ่าน หัวใจแทบสลายไม่คิดว่าจะได้รับข้อความที่บาดใจจากลูกชาย
ความหวังทั้งหมดได้ล่มสลายเพียงคำพูดไม่กี่ประโยคของลูกชายที่ว่า :
"แม่ครับ ผมและภรรยาได้ปรึกษากันแล้วว่า ถ้าแม่จะมาอยู่อเมริกากับผมและครอบครัวคงจะไม่เหมาะ เพราะเราไม่ชอบให้มีคนอื่นมาอยู่ด้วย ที่พูดมานี้ แม่คงว่าผมอกตัญญูไม่รู้บุญคุณแม่ แต่ผมก็ได้คำนวณแล้วว่า ที่แม่ได้เลี้ยงดูผมมาคงเสียเงินเสียทองไปไม่น้อย แต่คงไม่เกิน 30,000 เหรียญ ซึ่งผมได้เติมให้ครบแล้ว จากนี้แม่ก็ไม่ต้องเขียนจดหมายมาต่อความยาวให้ยืดเยื้ออีก"เมื่อแม่ได้อ่านจดหมายของลูกจบลง ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาดังสายฝน แล้วรำพึงรำพันกับตัวเองว่า เราคงต้องอยู่เป็นหม้าย อยู่อย่างอ้างว้างเดียวดายจนแก่เฒ่า เธอรู้สึกเจ็บปวดไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
หลังจากนั้นเธอจึงตัดสินใจไปศึกษาธรรมะ หลังจากศึกษาธรรมะได้สักระยะ ก็เข้าถึงแก่นแท้ของจิตใจคน ได้มองเห็นแสงสว่างข้างหน้า เมื่อเธอคิดได้ดังนั้น จึงนำเงิน 30,000 เหรียญที่ลูกชายให้ไปท่องเที่ยวทั่วโลก ระหว่างท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่าง ๆ ทำให้ได้เห็นโลกอันกว้างใหญ่ที่สวยงามและพบกับผู้คนมากมาย เมื่อกลับจากการท่องเที่ยว จึงเขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงลูกชายที่อเมริกา
ในจดหมายมีข้อความว่า :
"ลูกรัก ลูกบอกไม่ให้แม่เขียนจดหมายถึงลูกอีก แต่จดหมายฉบับนี้แม่คิดว่าเป็นจดหมายที่แม่เคยเขียนให้ลูกแต่ก่อน เมื่อแม่ได้รับตั๋วเงินจากลูกแล้วก็ได้นำเงินทั้งหมดไปท่องเที่ยวทั่วโลก ขณะนั้นแม่รู้สึกว่าควรจะขอบใจลูกที่ทำให้แม่เข้าใจ หูตาสว่าง รู้จักปล่อยวาง มองเห็นทาสแท้ของคน รากฐานของจิตใจ มิตรภาพและความรักของคนเป็นสิ่งเลื่อนลอยเอาแน่นอนไม่ได้ ทุกสิ่งในโลกนี้ต้องเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ถ้าแม่มองไม่เห็นทางสว่างในใจมีแต่ความเคียดแค้น เกลียดชัง เจ็บปวด คงไม่มีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้แน่ หรือถ้าแม่คิดไม่ตก คงฆ่าตัวตายตั้งแต่วันแรกที่ได้รับจดหมายจากลูก และคงจะตายเป็นผีอย่างไม่เป็นธรรม
การที่ลูกตัดเยื่อใยความเป็นลูกกับแม่ ทำให้แม่ได้เห็นแก่นแท้ของมนุษย์ ที่ยังขาดความสมบูรณ์ของคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม ยังทำให้แม่ได้เรียนรู้ถึงความสงบของจิตใจ แม่ไม่วิตกกังวลที่ต้องอยู่คนเดียว เพราะแม่ไม่มีลูกอีกแล้ว เพราะฉะนั้น แม่จึงมีชีวิตอยู่คนเดียวอย่างมีความสุข"จ้าวฝู่ชู ได้กล่าวไว้ว่า :
"บ้านของพ่อแม่คือ...บ้านของลูก ๆ
แต่บ้านของลูก...ไม่ใช่บ้านของพ่อแม่
การให้กำเนิดลูก...เป็นหน้าที่
การเลี้ยงลูก...เป็นความผูกพัน
ผิดอย่างมหันต์...ถ้าคิดพึ่งลูก"
ที่มา : Foward Line
ภาพประกอบ : www.azmega.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น